การเลือกวัสดุและเกรดให้เหมาะกับการใช้งาน

การเลือกวัสดุและเกรดให้เหมาะสมกับการใช้งานเป็นสิ่งสำคัญในการผลิตชิ้นส่วนที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูง ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่าวัสดุแต่ละชนิดมีคุณสมบัติและการใช้งานอย่างไร เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม

1. โลหะ (Metals)

1.1 เหล็กกล้า (Steel)

โลหะเหล็ก

เหล็กกล้าเป็นวัสดุที่นิยมใช้ในการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ เนื่องจากมีความแข็งแรงและทนทานสูง มีหลายเกรดให้เลือกตามความต้องการ เช่น

  • เหล็กกล้าคาร์บอน (Carbon Steel) เกรด S45C: เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักร และโครงสร้างต่างๆ ราคาประมาณ 40-60 บาทต่อกิโลกรัม
  • เหล็กกล้าคาร์บอน (Carbon Steel) เกรด SS400: เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นส่วนโครงสร้างและงานทั่วไป มีความแข็งแรงปานกลาง ราคาประมาณ 30-50 บาทต่อกิโลกรัม
  • เหล็กกล้าไร้สนิม (Stainless Steel) เกรด SUS304: เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นส่วนที่ต้องการความทนทานต่อการกัดกร่อน เช่น อุปกรณ์ทางการแพทย์ และอาหาร ราคาประมาณ 100-150 บาทต่อกิโลกรัม
  • เหล็กกล้าไร้สนิม (Stainless Steel) เกรด SUS316: เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นส่วนที่ต้องการความทนทานต่อสารเคมีและการกัดกร่อนในสภาวะที่รุนแรง ราคาประมาณ 150-200 บาทต่อกิโลกรัม
  • เหล็กกล้าผสม (Alloy Steel) เกรด SCM440: เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นส่วนที่ต้องการความแข็งแรงสูงและทนต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง ราคาประมาณ 80-120 บาทต่อกิโลกรัม

1.2 อะลูมิเนียม (Aluminum)

อลูมิเนียม aluminium
อลูมิเนียม aluminium

อะลูมิเนียมเป็นวัสดุที่มีน้ำหนักเบา ทนทานต่อการกัดกร่อน และมีความสามารถในการนำความร้อนได้ดี เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ อากาศยาน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

  • เกรด 6061: เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นส่วนโครงสร้างทั่วไป ราคาประมาณ 120-150 บาทต่อกิโลกรัม
  • เกรด 7075: เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นส่วนที่ต้องการความแข็งแรงสูง เช่น ชิ้นส่วนอากาศยาน ราคาประมาณ 200-250 บาทต่อกิโลกรัม

1.3 ทองเหลือง (Brass)

ทองเหลือง brass
ทองเหลือง brass

ทองเหลืองเป็นวัสดุที่มีความเหนียวและทนทานต่อการกัดกร่อน เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นส่วนที่ต้องการความสวยงามและความทนทาน เช่น วาล์ว ข้อต่อ และอุปกรณ์ไฟฟ้า

  • เกรด C360: เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า ราคาประมาณ 150-200 บาทต่อกิโลกรัม
  • เกรด C280: เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นส่วนตกแต่งและเครื่องประดับ ราคาประมาณ 100-150 บาทต่อกิโลกรัม

1.4 ทองแดง (Copper)

ทองแดง copper
ทองแดง copper

ทองแดงเป็นวัสดุที่มีการนำไฟฟ้าและความร้อนได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นส่วนที่ต้องการการนำไฟฟ้าหรือความร้อนสูง เช่น สายไฟ ท่อความร้อน และแผ่นวงจร

  • เกรด C11000 (Electrolytic Tough Pitch Copper): เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปที่ต้องการการนำไฟฟ้าสูง ราคาประมาณ 300-400 บาทต่อกิโลกรัม
  • เกรด C12200 (Phosphorus Deoxidized Copper): เหมาะสำหรับการใช้งานในระบบท่อและการประปา ราคาประมาณ 280-350 บาทต่อกิโลกรัม

1.5 ไทเทเนียม (Titanium)

ไทเทเนียม titanium
ไทเทเนียม titanium

ไทเทเนียมเป็นวัสดุที่มีน้ำหนักเบาแต่มีความแข็งแรงสูงและทนทานต่อการกัดกร่อน เหมาะสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ การแพทย์ และอุตสาหกรรมทางทะเล

  • เกรด 2 (Commercially Pure Titanium): เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปที่ต้องการความต้านทานการกัดกร่อนสูง ราคาประมาณ 800-1,000 บาทต่อกิโลกรัม
  • เกรด 5 (Ti-6Al-4V): เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความแข็งแรงสูงและน้ำหนักเบา เช่น ชิ้นส่วนเครื่องบินและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ราคาประมาณ 1,500-2,000 บาทต่อกิโลกรัม

2. พลาสติกวิศวกรรม (Engineering Plastics)

Engineering plastic
Engineering plastic

2.1 ABS (Acrylonitrile Butadiene Styrene)

ABS เป็นพลาสติกที่มีความเหนียวและทนทานต่อแรงกระแทก เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และของเล่น ทนอุณหภูมิได้ประมาณ -20 ถึง 80°C ราคาประมาณ 80-100 บาทต่อกิโลกรัม

2.2 Polycarbonate (PC)

Polycarbonate เป็นพลาสติกที่มีความแข็งแรงสูงและทนทานต่อแรงกระแทกได้ดี เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นส่วนที่ต้องการความแข็งแรงและโปร่งใส เช่น แว่นตานิรภัย และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทนอุณหภูมิได้ประมาณ -40 ถึง 120°C ราคาประมาณ 120-150 บาทต่อกิโลกรัม

2.3 Nylon (Polyamide)

Nylon เป็นพลาสติกที่มีความเหนียวและทนทานต่อการสึกหรอ เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักร กลไก และสายพาน ทนอุณหภูมิได้ประมาณ -40 ถึง 100°C ราคาประมาณ 100-130 บาทต่อกิโลกรัม

2.4 POM (Polyoxymethylene)

POM หรือที่รู้จักกันในชื่อ Delrin เป็นพลาสติกที่มีความแข็งแรงและทนทานต่อการเสียดสี เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นส่วนที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น เฟือง และลูกปืน ทนอุณหภูมิได้ประมาณ -40 ถึง 100°C ราคาประมาณ 120-160 บาทต่อกิโลกรัม

2.5 PTFE (Polytetrafluoroethylene)

PTFE หรือที่รู้จักกันในชื่อ Teflon เป็นพลาสติกที่มีความทนทานต่อสารเคมีสูง และมีความลื่นต่ำ เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นส่วนที่ต้องการความทนทานต่อการกัดกร่อน และแรงเสียดทาน ทนอุณหภูมิได้ประมาณ -200 ถึง 260°C ราคาประมาณ 500-600 บาทต่อกิโลกรัม

2.6 PEEK (Polyether Ether Ketone)

PEEK เป็นพลาสติกวิศวกรรมที่มีความทนทานต่ออุณหภูมิสูงและสารเคมี เหมาะสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมการแพทย์ ยานยนต์ และอากาศยาน ทนอุณหภูมิได้ประมาณ -50 ถึง 250°C ราคาประมาณ 1,500-2,000 บาทต่อกิโลกรัม

2.7 Polyethylene (PE)

Polyethylene เป็นพลาสติกที่มีหลายเกรด เช่น HDPE, MDPE, และ LDPE ซึ่งมีความแข็งแรงและความทนทานต่างกัน

  • HDPE (High-Density Polyethylene): เหมาะสำหรับการผลิตท่อน้ำ ถังบรรจุสารเคมี และชิ้นส่วนเครื่องจักร ทนอุณหภูมิได้ประมาณ -50 ถึง 80°C ราคาประมาณ 50-80 บาทต่อกิโลกรัม
  • MDPE (Medium-Density Polyethylene): เหมาะสำหรับการผลิตท่อแก๊สและท่อสำหรับการเกษตร ทนอุณหภูมิได้ประมาณ -40 ถึง 80°C ราคาประมาณ 50-70 บาทต่อกิโลกรัม
  • LDPE (Low-Density Polyethylene): เหมาะสำหรับการผลิตฟิล์มและบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการความยืดหยุ่น ทนอุณหภูมิได้ประมาณ -50 ถึง 70°C ราคาประมาณ 40-60 บาทต่อกิโลกรัม

3. วัสดุคอมโพสิต (Composites)

วัสดุคอมโพสิตเป็นการผสมผสานของวัสดุต่าง ๆ เพื่อให้ได้คุณสมบัติที่ต้องการ เช่น ความแข็งแรงสูง น้ำหนักเบา และความทนทาน

carbon fiber CF

3.1 คาร์บอนไฟเบอร์ (Carbon Fiber)

คาร์บอนไฟเบอร์เป็นวัสดุคอมโพสิตที่มีน้ำหนักเบาและความแข็งแรงสูง เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ อากาศยาน และอุปกรณ์กีฬา ทนอุณหภูมิได้ประมาณ -100 ถึง 200°C ราคาประมาณ 800-1,200 บาทต่อกิโลกรัม

3.2 ไฟเบอร์กลาส (Fiberglass)

ไฟเบอร์กลาสเป็นวัสดุคอมโพสิตที่มีความทนทานและน้ำหนักเบา เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นส่วนเรือ รถยนต์ และอุปกรณ์กีฬาทางน้ำ ทนอุณหภูมิได้ประมาณ -60 ถึง 180°C ราคาประมาณ 200-300 บาทต่อกิโลกรัม

การเลือกเกรดของวัสดุ

การเลือกเกรดของวัสดุมีความสำคัญเช่นกัน เนื่องจากวัสดุแต่ละเกรดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เช่น ความแข็งแรง ความเหนียว ความทนทานต่อการกัดกร่อน และราคาที่แตกต่างกัน การเลือกเกรดของวัสดุที่เหมาะสมจะช่วยให้การผลิตชิ้นส่วนมีประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการผลิต

ที่กลวัต เรามีวัสดุและเกรดให้เลือกหลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการผลิตชิ้นส่วนที่ต้องการความแข็งแรงสูง ทนทานต่อสภาพแวดล้อม หรือชิ้นส่วนที่ต้องการความสวยงามและความละเอียดสูง เราพร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำวัสดุที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานของคุณ

ติดต่อเรา เพื่อให้เราแนะนำคุณได้ คลิ๊ก -> https://www.kolawat.com/contactus/

บทความที่เกี่ยวข้อง